จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2561
โบราณสถานศิลปะขอมในดินแดนสยาม
สวัสดีออเจ้าทั้งหลาย (กำลังอินกับละคร5555+)😁😄😅 ขอบอกไว้ก่อนเลยว่านี่อาจเป็นกระทู้สุดท้ายแต่จะท้ายสุดรึเปล่า? ข้ามิรู้ได้ อิอิ วันนี้ก็มีสาระดีๆเกี่ยวกับโบราณคดีมาฝากทุกคนเช่นเคย แต่! เราจะสวมบทบาทเป็น ดา วินชี, ปีกัสโซ ,ไมเคิลแองเจโล่ ไปเสพงานศิลปะกัน....แต่เป็นศิลปะขอมนะ😏 (เออะ...มันไปด้วยกันได้ช่วยมั้ย?) ขอบอกเลยว่าศิลปะขอมที่เราจะพาไปรู้จักเนี่ยเป็นแหล่งโบราณสถานที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายแห่งในประเทศไทยเลยแหละ เอ๊ะ! แล้วเรารู้ได้ยังไงน๊าว่าเป็นของขอม มีข้อสังเกตุยังไง หลายคนคงอยากรู้แล้วละสิ เราจะช้าอยู่ทำไมละคะ อ่านต่อด่วนๆเลยค่ะ 👇👇👇👇👇
วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2561
ชุมชนโบราณควนลูกปัด...ชื่อนี้มีที่มา
......Hi!..กลับมาเจอกันอีกแล้วครับผมมมม ครั้งนี้เราก็มีแหล่งโบราณคดีที่มาเสิร์ฟอีกเช่นเคย บอกเลยว่าไม่ใช่โบราณสถานน๊าาา แต่เป็นวัตถุโบราณที่สวยๆงามๆ ซึ่งมีหลายประเภทมากๆ หลายคนอาจจะพอเดาได้จากชื่อกระทู้เราแล้วละสิ ใช่เลย! ครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ "ควนลูกปัด" หรือมีอีกชื่อว่า "แหล่งโบราณคดีคลองท่อม" ที่จังหวัดกระบี่นั่นเอง กระบี่ไม่ได้มีแค่หาดทรายขาวๆกับทะเลสวยๆเท่านั้นนะคะ สำหรับใครที่มาสายโบราณคดีละก็ไม่ควรพลาดเลยนะ!
ลักษณะของควนลูกปัดเป็นเนินดิน
ไม่มีคูน้ำคันดินหรือคูเมือง เป็นเนินราบในระดับความสูง ๘ เมตร จากระดับน้ำทะเล
เป็นที่ราบกว้างประมาณครึ่งตารางกิโลเมตร แวดล้อมด้วยสวนยางพารา สวนผลไม้
ป่าละเมาะและบ้านเรือนของชาวบ้าน ด้านตะวันออกเป็นแนวสูงต่อมาจากไหล่เขา
เนินด้านเหนือไปสิ้นสุดกลางบริเวณที่ราบต่ำ
ทางใต้และตะวันตกเป็นที่ราบมีลำคลองไหลผ่านชื่อคลองท่อม
อันดับแรกเรามาดูกันว่าเหตุไฉนทำไมถึงเรียกว่าควนลูกปัดกันนะ???😕😶😯
ประวัติชื่อชุมชน คำว่า "ควนลูกปัด"
เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกเมื่อมีการค้นพบลูกปัดแก้วสีต่าง ๆ บนเนินดินบริเวณนี้
สมัยก่อนไม่มีใครสนใจเพราะเห็นว่าไม่มีค่าอะไร
หรือเห็นว่าเป็นของโบราณเกรงจะเกิดอาเพทตามความเชื่อและเรียกบริเวณนี้ว่า
ควนลูกปัด ส่วนชื่อ"คลองท่อม" เป็นชื่อหมู่บ้าน ตำบลและอำเภอ
ตั้งขึ้นตามชื่อ"ลำคลอง" ที่ไหลผ่าน
ลักษณะ
เอ๊ะ!? แล้วลูกปัดแก้วสีๆนี่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ยังไงอ่ะ???😕🙋😮😏🙊👀
พบหลักฐานการเข้าอยู่อาศัยของมนุษย์ตั้งแต่สมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์
แต่ก็มีการพบวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์อีกด้วย
คงจะเป็นการสืบทอดวัฒนธรรมมาจากสมัยก่อนประวัติศาสตร์
กลุ่มคนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานบนเนินดินคลองท่อมคงเป็นพื้นเมืองสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่อาศัยอยู่ตามป่าเขาใกล้เคียงนั่นเอง
เพราะจากหลักฐานต่างๆจากบริเวณอ่าวพังงาลงมาถึงบริเวณเขาขนาบน้ำ ถ้ำเสือ ถ้ำหลัง
โรงเรียนทับปริก ถ้ำอ่าวโกบหน้าเชิง
ล้วนเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น ชุมชนคลองท่อมอยู่ใกล้ทะเล
มีลำคลองไหลผ่าน อยู่ในเส้นทางการเดินข้ามแหลมจากตะวันตกไปตะวันออก
เป็นที่ผ่านไปมาของบรรดาพ่อค้าต่างๆ เช่น จากอินเดีย อาหรับ เปอร์เซีย เป็นต้น
ชื่อเดิมจะเป็นอย่างไรไม่พบหลักฐาน
พบหลักฐานอะไรบ้างจากควนลูกปัด🔍🔍🔍🔍
หลักฐานทางโบราณคดีที่พบ
-ประเภทวัตถุที่ทำด้วยหิน
เช่น เครื่องมือหิน หินดุ แท่นหินสลัก แม่พิมพ์ ตราประทับ ลูกปัดหิน ก้อนรัตนชาติ
หินบด หินลับ ครกหิน ฯลฯ
-วัตถุที่ทำด้วยแก้ว มีลูกปัดแก้วหลายสีหลายขนาด
กำไลแก้ว แก้วหล่อ เศษแก้วหลอม แหวน เศษภาชนะแก้ว ฯลฯ
-วัตถุที่ทำด้วยดินเผา
มีเศษภาชนะดินเผาทั้งที่เคลือบและไม่เคลือบ มีลายและไม่มีลาย ตะคันดินเผา แวดินเผา
แม่พิมพ์ ลายประทับรูปกลีบบัว รูปดอกไม้ ดินเผารูปสัตว์ รูปคนเล็ก ๆ หินดุ
-วัตถุที่ทำด้วยสำริด มีจำพวกแหวนสำริด กำไล
ตุ้มหู รูปสัตว์ต่าง ๆ เหรียญที่เป็นรูปสัญลักษณ์ต่าง ๆ
ชิ้นส่วนคันฉ่องสำริดของจีน
-วัตถุที่ทำด้วยเงิน มีจำพวกกำไล แหวน ตุ้มหู
เหรียญรูปลักษณ์ต่าง ๆ แร่เป็นก้อนซึ่งสันนิษฐานว่าแร่เงิน
นอกจากนี้จากการสำรวจของกรมศิลปากรหลายต่อหลายครั้งนั้นยังพบหลักฐานประเภทข้าว ประเภทถ่าน รวมไปถึงประเภทโลหะอีกด้วย
แหล่งโบราณคดีคลองท่อมหรือควนลูกปัด
เป็นสถานที่สำคัญในเชิงประวัติศาสตร์โบราณคดี
วัตถุโบราณส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์วัดคลองท่อม สำหรับใครที่สนใจหรือใครที่มีโอกาสไปเที่ยวที่จังหวัดกระบี่ก็อย่าลืมแวะเวียนไปกันได้ แล้วมาแชร์ประสบการณ์ดีๆกันได้น๊าาา
ขอขอบพระคุณข้อมูลดีๆจาก....
(อ้างอิง)
กรมศิลปากร. คลองท่อม (ควนลูกปัด). สืบค้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561.จาก,www.finearts.go.th/fad15/parameters/km/item/คลองท่อม-ควนลูกปัด.html
ควนลูกปัด แหล่งโบราณคดีคลองท่อม. สืบค้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561. จาก, http://www.prapayneethai.com
ควนลูกปัด.สืบค้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 .จาก, kanchanapisek.or.th/kp8/culture/krb/krb101.html
ขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก : https://mgronline.com/travel/detail/9580000055168
วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561
บ้านโนนวัด...แหล่งโบราณคดีที่คุณต้องรู้จัก!
สวัสดีเด้อค่าาาา....ครั้งที่แล้วเราแวะไปดูโบราณสถานที่พะเยามาแล้ว วันนี้ข้อยจะพาลงเหนือมาที่อีสานกันบ้าง ซึ่งอีสานถือว่าเป็นภูมิภาคที่พบหลักฐานทางโบราณคดีเยอะทีเดียว ข้อยเองจึงขอนำเสนอแหล่งโบราณคดีที่คิดว่าทุกคนต้องรู้จักไว้....แต่นแต๊น! บ้านโนนวัดเด้อค่า เพราะอะไรถึงเป็นสถานที่แห่งนี้ ไปอ่านกันเลย!!!!!
แหล่งโบราณคดีบ้านโนนวัด
คือแหล่งโบราณที่มีหลุมขุดค้นทางโบราณคดีที่ใหญ่ที่สุด
และมีความต่อเนื่องทางวัฒนธรรมที่ยาวนานที่สุดในประเทศไทย ณ เวลานี้ นับได้ตั้งแต่ยุคหินใหม่ สำริด เหล็ก
เรื่อยมากระทั่งยุคปัจจุบัน กว่า 200 ชั่วอายุคน ตัวแหล่งขุดค้นตั้งอยู่ในเขตตำบลพลสงคราม
อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ภายในได้มีขุดพบหลุมศพ กระดูกมนุษย์ เครื่องประดับ
และไหโบราณลวดลายงดงาม
ซึ่งมีอายุอานามใกล้เคียงกับแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงที่จังหวัดอุดรธานีอีกด้วย
วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
"เวียงลอ" เวียงโบราณแห่งเมืองพะเยา
สวัสดีค่ะทุกคนนนนน....กลับมาเจอกันอีกครั้งกับเรื่องราวของโบราณคดี สำหรับวันนี้นะคะจะพาทุกคนไปแอ่วทางเหนือกันเน้อ ก็คือ พะเยา นั่นเองงง ถ้าพูดถึงพะเยาแล้วทุกคนนึกถึงอะไรกันเอ่ย? อืมม...ปลาส้ม กาละแมร์ ใช่มั้ย แต่ถ้าเป็นเรื่องราวทางโบราณคดีละก็ขอแนะนำที่นี่เลย "เวียงลอ" โดยที่นี่เป็นเมืองโบราณมีตำนานเล่าขานกันมาอย่างยาวนานอีกทั้งยังขุดพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย เริ่มสนใจขึ้นมาแล้วละสิ รอช้าอยู่ใยไปอ่านต่อกันเลย
"โบราณสถานเวียงลอ" สถานที่แห่งนี้เป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ ที่มีการขุดพบทั้งโบราณสถานและโบราณวัตถุที่สำคัญจำนวนมาก และสถานที่แห่งนี้เองก็มีอายุราวๆ 500-600 ปี ตั้งอยู่บริเวณตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา โดยการขุดค้นนั้นกรมศิลปากรได้ร่วมมือกับชาวบ้านตำบลเวียงลอและตำบลหงส์หิน ออกสำรวจพื้นที่ ในปีพ.ศ. 2536 ก็ได้พบโบราณสถานจำนวนมากจึงได้ขุดแต่งและบูรณะในปีพ.ศ. 2547 เป็นต้นมา นอกจากนี้ในการสำรวจยังพบว่าภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มเชิงเขาแม่น้ำไหลผ่านอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การตั้งรกรากชุมชนมาตั้งแต่สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์อีกด้วย
ป้ายกำกับ:
โบราณสถาน,
พะเยา,
เมืองเก่า,
เมืองโบราณ,
เวียงลอ
วันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
"ซับจำปา" เมืองโบราณ 3 พันปี
....สวัสดีค่ะทุกคน สำหรับเรื่องราวของโบราณคดีวันนี้ หลายคนอาจะเคยรู้จักหรือบางคนที่ยังไม่เคยรู้จัก กับเมืองโบราณที่อดีตนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมอย่าง "ซับจำปา" ที่ีมีอายุกว่า 3,000 ปี อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังหลงเหลือให้เราได้ชื่นชมมาถึงปัจจุบันอีกด้วย ดังนั้นจึงจะพาทุกคนไปรู้จักกับซับจำปาให้มากขึ้น ว่าเมืองโบราณดังกล่าวนี้ถูกค้นพบได้ยังไง มีลักษณะเป็นยังไง ความเป็นมาของเมืองนี้ รวมไปถึงหลักฐานที่พบในสถานที่แห่งนี้ด้วย
จากภาพจะเห็นได้ว่าซับจำปาไม่ได้มีมีลักษณะเป็นปราสาทหรือตัวเมืองที่ตั้งตระหง่าน เห็นเป็นเพียงเศษอิฐซึ่งสามารถเข้าใจได้ว่าเป็นตัวโบราณสถาน และซับจำปานี้ก็เป็นเหมือนน้องใหม่เพราะขุดค้นได้อย่างเป็นทางการไม่ถึง 10 ปี อาจเป็นสาเหตุที่หลายคนไม่เคยได้ยินหรือรู้จักชื่อนี้ ซึ่งการขุดค้นแรกเริ่มเมื่อปี 2508 ปรีชา กาญจนคม อดีตหัวหน้าภาควิชาโบาราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เข้ามาศึกษาและขุดค้นแต่ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจ ต่อมา ดร.ธนิก เลิศชาญฤทธิ์คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เข้ามาขุดค้นอีกครั้ง และเมื่อปี 2549 สำนักศิลปากรที่ 4 ลพบุรี เข้าไปขุดเป็นทางการ พบโครงกระดูกจำนวนมาก อายุประมาณ 2,500-2,700 ปี เป็นโครงกระดูกที่ค้นพบรุ่นเดียวกับบ้านโป่งมะนาว ต.ห้วยขุนราม อ.พัฒนานิคม ลพบุรี ยังพบเจดีย์สมัยทราวดีและฐานอาคารก่ออิฐ รวมถึงเศียรพระทราวดี สมัยพุทธศตวรรษที่ 13-14
ประวัติความเป็นมา
เมืองโบราณซับจำปานี้ หลักฐานทางโบราณคดีที่ค้นพบที่เมืองซับจำปา เป็นถิ่นที่อยู่มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งมีอายุราวๆ 3,000 ปีมาแล้ว ต่อมาได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากอินเดีย เช่น ศาสนา วิถีความเชื่อ อักษร ภาษา และการปกครองนั้นคงจะเป็นการปกครองที่กษัตริย์เป็นใหญ่ เพราะจาลึกสันสกฤตที่ค้นพบกล่าวถึงพระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้นำ จากหลักฐานทางโบราณคดีอาจกล่าวได้ว่าเมืองซับจำปาเป็นชุมชนที่มีผู้คนอาศัยอยู่มาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 15 แล้วจึงถูกทิ้งร้างไป เพราะเหตุว่าไม่มีการพบหลักฐานทางโบรารคดีชิ้นใดที่มีอายุหลังพุทธศตวรรษที่ 15 เลย
ลักษณะเมืองซับจำปา
มีคูน้ำกว้างลึก และมีคันดินกำแพงสูงล้อมรอบเมือง ผังเมืองเป็นรูปวงกลมรีคล้ายรูปหัวใจ วัดขนาด ความกว้างจากทิศหนือไปทิศใต้ได้ 834 เมตร จากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตกประมาณ 704 เมตร เมืองนี้มีกำแพงดินสูง 2 ชั้น ตรงกลางกำแพงเป็นดินอัดแน่นสูงประมาณ 10 เมตรจากพื้นคูเมือง คูเมืองกว้างประมาณ 16 เมตร ภายในเมืองมีเนินดิน 3 เนิน มีเษอิฐที่คล้ายโบราณสถาน และนอกเมืองนั้นมีสระน้ำ 1 สระ
หลักฐานที่พบ
สิ่งที่พบเป็นหลักฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ได้แก่ กำไลหิน แกนกำไลทำด้วยหินมาร์ล เศษภาชนะดินเผา
ยุคสมัยทราวดี ได้แก่ ชิ้นส่วนพระพุทธรูป ประติมากรรมรูปกวางหมอบ ชิ้นส่วนธรรมจักร ตุ๊กตาดินเผา เครื่องมือเคร่องใช้ เครื่องประดับที่เป็นโลหะสำริด จารึก 5 ชิ้น
ซึ่งชิ้นส่วนต่างๆที่ได้มีการขุดพบนั้นได้ถูกนำไปจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ซับจำปา ลพบุรี แล้ว หากคนไหนสนใจอยากศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมหรืออยากเห็นร่องรอยอารยธรรมจริงๆก็สามารถไปเยี่ยมชมได้ และทางเจ้าของบล็อกเองก็อยากฝากให้ทุกคนช่วยกันอนุรักษ์หรือรักษาสิ่งที่มีค่าที่ส่งต่อมายังรุ่นเราเนี่ยสืบต่อไปเรื่อยๆไปยังลูกหลาน ให้ได้เห็นมรดกหรือร่องรอยทางวัฒนธรรมอันมีค่านี้เช่นกัน

ประวัติความเป็นมา
เมืองโบราณซับจำปานี้ หลักฐานทางโบราณคดีที่ค้นพบที่เมืองซับจำปา เป็นถิ่นที่อยู่มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งมีอายุราวๆ 3,000 ปีมาแล้ว ต่อมาได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากอินเดีย เช่น ศาสนา วิถีความเชื่อ อักษร ภาษา และการปกครองนั้นคงจะเป็นการปกครองที่กษัตริย์เป็นใหญ่ เพราะจาลึกสันสกฤตที่ค้นพบกล่าวถึงพระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้นำ จากหลักฐานทางโบราณคดีอาจกล่าวได้ว่าเมืองซับจำปาเป็นชุมชนที่มีผู้คนอาศัยอยู่มาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 15 แล้วจึงถูกทิ้งร้างไป เพราะเหตุว่าไม่มีการพบหลักฐานทางโบรารคดีชิ้นใดที่มีอายุหลังพุทธศตวรรษที่ 15 เลย

มีคูน้ำกว้างลึก และมีคันดินกำแพงสูงล้อมรอบเมือง ผังเมืองเป็นรูปวงกลมรีคล้ายรูปหัวใจ วัดขนาด ความกว้างจากทิศหนือไปทิศใต้ได้ 834 เมตร จากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตกประมาณ 704 เมตร เมืองนี้มีกำแพงดินสูง 2 ชั้น ตรงกลางกำแพงเป็นดินอัดแน่นสูงประมาณ 10 เมตรจากพื้นคูเมือง คูเมืองกว้างประมาณ 16 เมตร ภายในเมืองมีเนินดิน 3 เนิน มีเษอิฐที่คล้ายโบราณสถาน และนอกเมืองนั้นมีสระน้ำ 1 สระ
หลักฐานที่พบ
สิ่งที่พบเป็นหลักฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ได้แก่ กำไลหิน แกนกำไลทำด้วยหินมาร์ล เศษภาชนะดินเผา
ยุคสมัยทราวดี ได้แก่ ชิ้นส่วนพระพุทธรูป ประติมากรรมรูปกวางหมอบ ชิ้นส่วนธรรมจักร ตุ๊กตาดินเผา เครื่องมือเคร่องใช้ เครื่องประดับที่เป็นโลหะสำริด จารึก 5 ชิ้น
ซึ่งชิ้นส่วนต่างๆที่ได้มีการขุดพบนั้นได้ถูกนำไปจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ซับจำปา ลพบุรี แล้ว หากคนไหนสนใจอยากศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมหรืออยากเห็นร่องรอยอารยธรรมจริงๆก็สามารถไปเยี่ยมชมได้ และทางเจ้าของบล็อกเองก็อยากฝากให้ทุกคนช่วยกันอนุรักษ์หรือรักษาสิ่งที่มีค่าที่ส่งต่อมายังรุ่นเราเนี่ยสืบต่อไปเรื่อยๆไปยังลูกหลาน ให้ได้เห็นมรดกหรือร่องรอยทางวัฒนธรรมอันมีค่านี้เช่นกัน
วันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
มาทำความรู้จักกันหน่อย :)
หวัดดีทุกคนนนนน ทั้งที่นี่ ที่นั่น ที่โน่น กระทั่งที่แอสการ์ด(โลกของสามีเราน่ะ อิอิ) เราจะบอกว่าเราเป็นนักเรียนเอกไทย วิชาโทประวัติศาสตร์จ้า นี่ก็กำลังเรียนวิชาโบราณคดีอยู่ นี่หน้าก็จะเหมือนซากกระดูกซากหม้ออยู่ละ ต่อให้เราจะเรียนอะไรที่ดูจะย้อนหลังไปหลายร้อยปี พันปี หรือล้านๆๆๆๆๆ...ปี อ่ะเว่อไป แต่คลาสเรามีความทันสมัยนะจ๊ะ เข้าเรียนทีก็สแกนคิวอาร์โค้ดเข้าเรียน เนี่ยเป็นไง ทำงานก็ทำในระบบบางทีผู้เรียนก็งงเองจ้า 555 บางคนคงคิดว่าเรียนไป เฮ้ย ต้องน่าเบื่อแน่ๆ ง่วงแน่ๆ เนื้อหาก็เยอะงี้ ซึ่งก็...จริงค่ะ เรียนไปก็แบตลด 55555 อ่ะๆ หวังว่าเราจะรู้จักกันบ้างในมุมนึงจากที่เราร่ายยาวมานี้นะ ถ้าอยากรู้จักเรามากกว่านี้ อยากรู้ว่าครั้งหน้าเราจะเขียนอะไรอีก อย่าลืมมาติดตามกันเน้ออออ อ่ะขอแนบรูปเราซักหน่อย
บายจ้าาาา😏
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)